หากจะพูดถึงนักฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตู แน่นอนส่วนสูงและสรีระ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน โดย ณ เวลานี้ต้องยอมรับว่าวงการฟุตบอลเต็มไปด้วยผู้รักษาประตูร่างโย่งมากมาย จนเกิดเทรนด์นายด่านยุคใหม่ขึ้นทั้ง ดาบิด เด เคอา ,ธีโบต์ กูร์กตัวร์ ,เกป้า อาร์ริซซาบาลาก้า ,อลิสซง เบ็คเกอร์ ,มานูเอล นอยเออร์ ไปจนถึง จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
ฮอร์เก้ คัมโปส ตำนานนายด่านสายรุ้ง ผู้บุกเบิกโกลร่างเล็กแห่งทัพ จังโก้
สำหรับศึกพรีเมียร์ลีกมีค่าเฉลี่ยส่วนสูงของผู้รักษาประตูอยู่ที่ 190 เซนติเมตร แต่ก็พอมีนายด่านร่างเล็กปะปนอยู่บ้าง แบบที่เรียกได้ว่านานๆจะเห็นสักที เหมือนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้นายด่านหัวเหม่งชาวฝรั่งเศสอย่าง ฟาเบียง บาร์กเตซ อยู่พักใหญ่ ส่วน ลิเวอร์พูล ที่มี เปเป้ เรน่า จนกลายเป็นหนึ่งในตำนานจอมหนึบของทัพ หงส์แดง ขณะที่ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มี เอแดร์ซอน ทำหน้าเฝ้าปากประตู
อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงทศวรรศ 90 ที่ว่ากันว่าวงการฟุตบอลเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสีนมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ผู้รักษาตัวเล็ก” ผู้เป็นจอมสีสันของทีมชาติเม็กซิโกอย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส และเชื่อว่าชายไทยวัย 30-45 ปีก็น่าจะพอคุ้นหูกับชื่อนายด่านสายรุ้งรายนี้อย่างแน่นอน
168 เซนติเมตร ไร้ปัญหา เล่นทั้งกองหน้าและผู้รักษาประตู
แม้ว่า คัมโปส จะมีส่วนสูงเพียง 168 เซนติเมตร แต่ผู้รักษาประตูแดนจังโก้รายนี้ สามารถชดเชยส่วนสูงของตนเองได้ด้วยสปริงข้อเท้ากับจังหวะกระโดดลอยตัวอยู่กลางอากาศได้นานอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งน่าเสียดายที่ช่วงเวลานั้นยังไม่มีเทคโนโลยี ที่ช่วยบันทึกสถิติ โดยนอกจากงานหลักของ คัมโปส คือการป้องกันประตูแล้ว งานอดิเรกของนายด่านตัวจิ๋วรายนี้คือการสังหารประตูใส่คู่แข่งด้วย
คัมโปส คือผู้แหกกฏที่ผู้รักษาประตูควรมี ทั้งรูปร่าง และการเล่นแบบผาดโผน เรียกสารอะดรีนาลีนให้กับเหล่าบรรดาคุณผู้ชมทุกครั้งที่มีโอกาสลงสนาม แถมนอกจากลีลาการเฝ้าเสาอันโดดเด่นแล้ว อีกหนึ่งเครี่องหมายการค้าของ คัมโปส ก็คือ ยูนิฟอร์มที่มีสีสัน ฉูดฉาด บาดตา บาดใจ จนเป็นเอกลักษณ์ และกลายเป็นที่จดจำของทีมชาติเม็กซิโก มาทุกยุคทุกสมัย
ที่มานายด่านสายรุ้ง ชุดโกลในความทรงจำของ คัมโปส
หากยังจำกันใจในศึกฟุตบอลโลกปี 1994 ชุดของ คัมโปส เป็นอะไรที่ถูกพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้ แต่หารู้ไม่ว่ายูนิฟอร์มจอมสีสันของ คัมโปส มาจากงานคราฟต์ที่ คัมโปส ลงมือดีไซน์และผลิตขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยได้แรงบันดาลมาจากเมืองอคาปูโกบ้านเกิดที่เป็นเมืองชายฝั่ง ที่มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่น และมีผู้คนนิยมไปเล่นกระดานโต้คลื่น ซึ่ง คัมโปส ใช้แรงบันดาลใจตรงนี้ นำมาเป็นสไตล์ใส่ไว้ในลวดลายชุดแข่งของตัวเอง
คัมโปส เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล ในปี 1988 กับ พูมาส ในบ้านเกิดประเทศเม็กซิโก โดยที่มาของการที่เจ้าได้เล่นเป็นกองหน้าด้วยเกิดขึ้นจากในเวลานั้น พูมาส มีประตูมือ 1 มือขวางหน้า คัมโปส อยู่ โค้ชของ พูมาส ที่มองเห็นแววของ คัมโปส จึงจัดให้นายด่านรายนี้รับบทกองหน้าของทีมอีกหนึ่งตำแหน่ง ก่อนจะกลายเป็นอีกหนึ่งหมายการค้าของ คัมโปส และกลายเป็นแรงบันดาลใจของผู้รักษาประตูตัวเล็กทั่วโลก
อันที่จริงผลงานของ คัมโปส ถือว่าโดดเด่นหาตัวจับยากในแถบอเมริกาเหนือ อย่างไรก็ตาม ชีวิตการค้าแข้งของ คัมโปส ไม่สามารถเข้ากับสไตล์บอลยุโรปได้ แม้จะมีสโมสรหลายๆที่สนใจดึงตัวไปร่วมทีมก็ตาม โดย คัมโปส ติดทีมชาติเม็กซิโก ตั้งแต่ปี 1991-2004 ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมา 3 ครั้ง ในปี 1994,1998, 2002 ติดทีมชาติรวมทั้งสิ้น 130 นัด
หลังเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ เจ้าตัวยังคงคลุกคลีอยู่กับวงการฟุตบอล โดยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชของ ริคาร์โด้ ลาโวเป้ เฮดโค้ชทีมชาติเม็กซิโก และยังทำหน้าที่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการทีมชาติในชุดที่ลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2006 อีกด้วย นอกจากงานด้านฟุตบอล เจ้าตัวยังเป็นเจ้าของ แฟรนไชส์ ธุรกิจร้านอาหารชื่อ Sportortas-Campos ที่ดังในเมนู Torta หรือแซนวิสสไตล์เม็กซิกันด้วย
รับช่วงต่อโดย เจ้ากระต่าย ออสการ์ เปเรซ ที่ยังคงคอนเซปต์ โกลร่างเล็ก
หลังจากที่หมดยุคของ คัมโปส ทีมชาติเม็กซิโก ก็ยังคงคอนเซปต์ผู้รักษาประตูตัวเล็ก ตามรอยตำนานอย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส โดยมีผู้รักษาประตูหัวโล้นอย่าง ออสการ์ เปเรซ มารับช่วงต่อ หลังจากที่เป็นมือสอง เรียนรู้วิชาจาก คัมโปส ในรั้วของทัพ ‘จังโก้’ มาตั้งแต่ปี 1997
ออสการ์ เปเรซ มีฉายาว่า ‘El Conejo’ ซึ่งเป็นภาษาสเปนที่แปลว่า กระต่าย จากสปริงข้อเท้าอันยอดเยี่ยมที่เรียนรู้วิชามาจากรุ่นพี่อย่าง ฮอร์เก้ คัมโปส โดย เปเรซ สูงกว่า คัมโปส เพียง 3 เซนติเมตรเท่านั้น (171 เซนติเมตร) แถมยังมีรูปร่างที่ท้วมกว่า คัมโปส ด้วยซ้ำ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหากับ เปเรซ ในการยืนเฝ้าหน้าปากประตูแต่อย่างใด เปเรซ ผ่านศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2002 และ 2010 นอกจากนี้เจ้าตัวยังอยู่ในชุดแชมป์ ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชั่นคัพ ในปี 1999 ด้วย นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ อีก 3 สมัยในปี 1998, 2003 และ 2009
ทั้งเซฟ ทั้งยิง จนกลายเป็นนายด่านประวัติศาสตร์ทีมชาติเม็กซิโก
นอกจากรูปร่างที่ส่วนสูงไม่หนีกันมาก จังหวะการกระโดดจากคัมภีร์เม็กซิกันแล้ว เปเรซ ก็ไม่ได้น้อยหน้ารุ่นพี่อย่าง คัมโปส ในเรื่องของการสังหารประตู เพราะเจ้าตัวเคยยิงประตูได้ทั้งถุงมือมาแล้ว ในสมัยรับใช้ทัพ ‘จังโก้’ รุ่น U23 โดย เปเรซ ขึ้นมาโหม่งประตูตีเสมอ เกาหลีใต้ ในเกมอุ่นเครื่อง ส่วนในระดับสโมสร เปเรซ เฝ้าเสาให้ ครูซ อาซูล มากกว่า 400 เกมแถมยังเคยยิงประตูได้ด้วย จากการขึ้นมาโหม่งตามตีเสมอ เอสตูเดียนเตส เมื่อปี 2007
เดือนเมษายน ปี 2017 เปเรซ โหม่งทำประตูอีกครั้ง โดยเจ้าตัวเล่นให้ ปาชูก้า ก่อนโหม่งตีเสมอใส่ทีมเก่าอย่าง ครูซ อาซูล ในช่วงทดเจ็บ แถมยังจารึกสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดในลีกของเม็กซิโก ที่ยิงประตูได้ นั่นจึงไม่แปลกที่ เปเรซ จะได้รับการยกย่องให้เป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของ เม็กซิโก ตั้งแต่ปี 1998 จนถึงปี 2002 โดยเปเรซ อำลาทีมชาติเม็กซิโก เมื่อปี 2010 ซึ่งก่อนที่เขาจะบอกลาการรับใช้ชาติ เปเรซ ก็ถ่ายทอดวิชาให้กับนายด่านรุ่นเจ้าของส่วนสูง 183 เซนติเมตรอย่าง กิลเยร์โม่ โอชัว ที่ ณ เวลานั้น ก้าวขึ้นมายึดมือ 1 ของทัพ ‘จังโก้’ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายด่านร่างเล็ก เจเนอเรชั่นต่อมา กิลเยร์โม่ โอชัวร์
โอชัว เริ่มต้นค้าแข้งกับ คลับ อเมริกา ในบ้านเกิด ด้วยวัยเพียง 18 ปี เฝ้าเสาเป็นจำนวนถึง 239 เกมรวมทุกรายการ อย่างไรก็ตามมรสุมชีวิตก็มาเยือน โอชัว ในปี 2011 เมื่อเจ้าตัวไม่ผ่านการตรวจหาสารกระตุ้นในศึก คอนคาเคฟ โกลด์ คัพ และโดนแบนตลอดทัวร์นาเมนท์ ก่อนจะตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งกับ อฌัคซิโอ้ ในฝรั่งเศส ซึ่งช่วงเวลาที่ โอชัว ถูกพูดถึงมากที่สุด
ก็น่าจะเป็นในศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล โดย โอชัว ถูกพูดบนทวิตเตอร์มากถึง 1,967,657 ครั้ง แถมถูกนำไปทำภาพล้อเลียนอีกจำนวนมากขึ้นมาในสังคมออนไลน์ จากเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ เม็กซิโก พบกับ บราซิล ที่โชว์ผลงานเซฟเวอร์วังอลังการเหมือนกับออกมาจากการ์ตูน จนได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์
ด้วยความเหนียวหนึบส่งผลให้มีการปล่อยข่าวลือมากมายในโลกออนไลน์ หนึ่งในนั้นคือการลือว่า โอชัว เป็นผู้เล่นที่มือขวามี 6 นิ้ว ส่งผลให้มีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในการรักษาประตู อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการอำเล่นกันเท่านั้น
โอชัว เคยตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล มาแล้วเมื่อฤดูกาล 2013 ก่อนที่ หงส์แดง จะหันไปคว้าตัว ซิมง มิโญเลต์ ในท้ายที่สุด ส่วน โอชัว ก็ย้ายจาก อฌัคซิโก้ ไปผจญภัยในสเปนกับ มาลาก้า และ กรานาด้า รวมไปถึง สตองดาร์ ลีแอช ในเบลเยี่ยม ก่อนกลับมาสู่บ้านเกิดอีกครั้งกับสโมสรอู่ข้าวอู่น้ำอย่าง คลับ อเมริก ในปี 2019
ทำลายสถิติติดทีมชาติมากที่สุดของ ฮอร์เก้ คัมโปส
และจนถึงตอนนี้ โอชัว ลงรับใช้ทีมชาติเม็กซิโกไปแล้วถึง 148 เกม ทำลายสถิติเดิมของ ฮอร์เก้ คัมโปส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังเป็นกัปตันทีมทัพ จังโก้ คนปัจจุบันต่อจาก อันเดรส กวาร์ดาโด ที่เพิ่งอำลาทีมชาติเม็กซิโก เมื่อ 2022 ที่ผ่านมา
เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา โอชัว ในวัย 38 ปีนำทัพ จังโก้ คว้าแชมป์ CONCACAF Gold Cup 2023 เป็นสมัยที่ 9 ได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเอาชนะ ปานามา 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ นอกจากนี้ยังนับเป็นแชมป์ โกลคัพ สมัยที่ 5 ของนายด่านหัวฟูรายนี้ด้วย เท่านั้นยังไม่พอเมื่อ โอชัว ทำไปทั้งหมด 4 คลีนชีต ในทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าวจนได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมประจำศึก CONCACAF Gold Cup 2023 ในตำแหน่งผู้รักษาประตู
สำหรับปัจจุบัน โอชัว ย้ายกลับมาเฝ้าเสาในยุโรปอีกครั้งกับ ซาแลร์นิตาน่า ในศึกกัลโช่ เซเรย อา อิตาลี และกลายเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ต้นสังกัดรอดพ้นจากการตกชั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในขณะที่ซีซั่นนี้ โอชัว เฝ้าเสาไปแล้ว 15 เกมรวมทุกรายการ
ใครจะเป็นผู้รับช่วงต่อจาก โอชัวร์ ในทัพ จังโก้ ?
ถึงตอนนี้ก็ต้องมาลุ้นกันว่าตำแหน่งปราการด่านสุดท้ายรุ่นต่อไปของทีมชาติเม็กซิโกจะเป็นใคร เพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าใครก็ตามที่รับหน้าที่เฝ้าปากประตูให้กับขุนพลจากแดน จังโก้ ล้วนแล้วแต่ฝากผลงานอยู่ในวามทรงจำของเหล่าบรรดาแฟนบอลเม็กซิกันไว้มากมาย ไล่ตั้งแต่ ฮอร์เก คัมโปส ,ออสการ์ เปเรซ จนมาถึงรายล่าสุดอย่าง กิลเยร์โม่ โอชัว
โดย ณ เวลานี้ทำเนียบนายด่านทีมชาติเม็กซิโก ที่อยู่ที่ลิสต์ที่จะรับงานต่อจาก โอชัว ประกอบไปด้วย โฆเซ อันโตินโอ โรดริเกวซ โกลวัย 31 ปีเจ้าของความสูง 186 เซนติเมตร จาก ติฮัวนา และ ฮูลิโอ กอนซาเลซ วัย 32 ปี ประตูของ อูนัม รวมไปถึ คาร์ลอส อเซเวโด วัย 27 ปีของ ซานโตส ลากูน อีกหนึ่งราย
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค
