วิเคราะห์บอล: อังกฤษ vs อิหร่าน

เกมนัดแรกของกลุ่ม บี ในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2022 ทีมชาติอังกฤษ ที่คว้าอันดับ 4 ในศึกฟุตบอลโลกหนก่อน มีโปรแกรมเจอกับทีมชาติอิหร่าน ทีมระดับท็อปของเอเชีย และมีดีกรีเป็นทีมแรกจากทวีปเอเชียที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกหนนี้ ถือเป็นเกมที่ไม่ง่ายสำหรับทั้งสองทีม ซึ่งต่างก็ต้องการสามคะแนนสำคัญด้วยกันทั้งคู่ แมตช์เปิดสนามของกลุ่ม บี แมตช์นี้ จึงเป็นหนึ่งแมตช์ที่แฟนบอลมิควรพลาดรับชมด้วยประการทั้งปวง

188BET ทางเข้า (ล่าสุด)

เล่นผ่านมือถือ

เล่นผ่านคอมฯ

สอนเดิมพันบอลโลก 2022

ความพร้อมล่าสุด

อังกฤษ ทำผลงาน 5 เกมหลังสุดในศึกฟุตบอล ยูฟ่าเนชั่นส์ ลีก ได้อย่างน่าผิดหวังโดยไม่สามารถชนะทีมใดได้เลย เสมอ 3 และแพ้ 2 จบด้วยอันดับบ๊วยของกลุ่ม และตกชั้นไปเล่นลีก บี ในปีหน้า สำหรับฟุตบอลโลกหนนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกใช้งานผู้เล่นตัวหลักจากชุดอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2018 และรองแชมป์ยูโร 2020 ผสมผสานกับแข้งหนุ่มคลื่นลูกใหม่ที่โชว์ฟอร์มดีในระดับสโมสร โดยมีเป้าหมายเดียวคือถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์ที่ทัพ “สิงโตคำราม” ห่างหายมานานหลายทศวรรษ ซึ่งหากอังกฤษทำผลงานน่าผิดหวังในฟุตบอลโลก 2022 ก็มีโอกาสสูงที่ เซาธ์เกต จะได้รับ “ซองขาว” เป็นรางวัล

ถึงแม้เขาจะเหลือสัญญาถึงเดือนธันวาคม 2024 ก็ตาม ในส่วนสภาพความพร้อมเกมนี้ แม้ อังกฤษ จะมีผู้เล่นบางรายที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน เช่น เจมส์ แมดดิสัน แต่ไม่กระทบกับการจัดตัวแน่นอน เนื่องจากขุมกำลังหลักรายอื่นๆ ต่างฟิตสมบูรณ์พร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจิง นำโดย แฮรี่ เคน ศูนย์หน้าวัย 29 ปี ดีกรีดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2018 รวมถึงสองปีกอนาคตไกลอย่าง บูกาโย่ ซาก้า และ ฟิล โฟเด้น โดยมี มาร์คัส แรชฟอร์ด และคัลลัม วิลสัน เป็นตัวสแตนบาย

อิหร่าน ถือเป็นทีมระดับท็อปของเอเชีย และในศึกฟุตบอลโลก 2022 ถือเป็นครั้งที่ 6 ที่พวกเขาคว้าตั๋วเข้ามาเล่นรอบสุดท้าย สำหรับฟุตบอลโลก 2020 ครั้งนี้ อิหร่านเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือก รอบสาม โซนเอเชีย ด้วยผลงานลงเตะ 10 นัด ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1 นอกจากนี้ อิหร่าน เป็นทีมแรกของโซนเอเชียที่การันตีตั๋วเข้ารอบสุดท้าย ผลงาน 5 เกมหลังสุดของอิหร่าน ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2 สภาพความพร้อมเกมนี้ คาร์ลอส เคยรอซ กุนซือชาวโปรตุกีส ต้องรอเช็กความฟิตของ ซาดาร์ อัซมูน ดาวยิงวัย 27 ปีจากเลเวอร์คูเซ่น ส่วนขุมกำลังรายอื่นต่างฟิตสมบูรณ์พร้อมลงสนาม โดยหลายคนคือผู้เล่นที่ค้าแข้งกับสโมสรดังในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เมห์ดี้ ทาเรมี่ (ปอร์โต้) ซาแมน ก็อดดอส (เบรนท์ฟอร์ด) อลิเรซา จาฮานบัคช์ (เฟเยนูร์ด) ซาเดก โมฮาร์รามี่ (ดินาโม ซาเกร็บ) คาริม อันซาริฟาร์ด (โอโมเนีย นิโคเซีย) เอซาน ฮาจซาฟี (เออีเค เอเธนส์)

คาดการณ์ 11 ตัวจริง

อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด; แฮร์รี่ แม็คไกวร์, จอห์น สโตนส์, คีแรน ทริปเปียร์, ลุค ชอว์; จูด เบลลิงแฮม, ดีแคลน ไรซ์, เมสัน เมาท์; บูกาโย่ ซาก้า, ฟิล โฟเด้น, แฮร์รี่ เคน

อิหร่าน : อาลีเรซ่า ไบรานวานด์, มอร์เตซ่า ปูราลี่กานจิ, ฮอสซีน กานานีซาเดกาน, เอห์ซาน ไฮจ์ซาฟี่, รามิน เรซาเอียน, ซาอิด เอซาโตลาฮี, ซามาน กูดดอส, อาลิเรซ่า ยาฮานบัคส์ช, เมห์ดี้ โทราบี้, คาริ อันซาริฟาร์ด, เมห์ดี้ มาเรมี่

ทรรศนะก่อนเกม

แม้ชื่อชั้น อังกฤษ จะดูเหนือกว่าอยู่พอสมควร แต่ทว่าผลงานในช่วงก่อนศึกฟุตบอลโลกกลับไม่ค่อยดีนัก ถึงขั้นตกชั้นในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เกมนี้แม้ถูกมองว่าเป็นเกมที่เจอคู่ต่อสู้ง่ายที่สุดในกลุ่ม แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ เมื่อ อิหร่าน ก็มีทำผลงานก่อนศึกฟุตบอลโลกหนนี้ได้น่าสนใจอย่างมาก พวกเขาสามารถคว้าผลเสมอกับ เซเนกัล และเอาชนะ อุรุกวัย เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ประกอบกับผู้เล่นอิหร่านหลายคนนั้นค้าแข้งอยู่กับสโมสรดังในยุโรป โดยเฉพาะ ซาร์ดาร์ อัซมูน ดาวยิงตัวเก่งจาก เลเวอร์คูเซ่น ที่ยิงให้ทีมชาติไปแล้ว 40 ประตู จาก 63 เกม คาดว่าเกมนี้ อังกฤษ จะมาเปิดเกมบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกมเพื่อเป้าหมายเก็บสามคะแนนให้ได้เท่านั้น แต่ด้วยจุดเด่นในเรื่องทีมเวิร์คของ อิหร่าน กับประสบการณ์ในการคุมทีมของ เคยรอซ จะสั่งลูกทีมลงเล่นอย่างรัดกุมเพื่อรอโอกาสโต้กลับจากผู้เล่นแนวรุกที่มีความเร็ว บวกกับความคุ้นชินกับสภาพอากาศในตะวันออกกลาง เกมนี้แม้ผู้เล่นอังกฤษจะดูเหนือกว่าเรื่องฝีเท้า แต่ลูกทีมของ เซาธ์เกต จะทำได้แค่เฉือนชนะเท่านั้น