เรียกได้ว่าทุลักทุกเลสุด ๆ สำหรับทัพปีศาจแดงภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ที่ผ่านเข้ารอบชิง เอฟเอคัพ ได้สำเร็จ ด้วยการเบียดเอาชนะ โคเวนทรี ในการดวลลูกโทษจุดโทษ หลังจากที่เสมอกันในเวลา 120 นาทีด้วยสกอร์ 3-3 ในเกม เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำเอาเหล่า เร้ด เดวิลส์ โดนอาการไบโพล่าร์ถามหากันเลยทีเดียว

เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลในรอบสัปดาห์เลยทีเดียว จากการที่พลพรรค ห้างขายยา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น การันตีการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา อย่างเป็นการเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดบ้านถล่ม แวร์เดอร์ เบรเมน 5-0 เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา

จบลงไปแล้วสำหรับศึกแดงเดือดครั้งสุดท้ายของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดกุนซือชาวเยอรมันที่ประกาศอำลาการคุมทัพ หงส์แดง หลังจบฤดูกาลนี้ โดยเกม แดงเดือด หนล่าสุดที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 2-2 พร้อมกับกระชากทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ลงมาเป็นอันดับที่ 2 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ในขณะที่เหลืออีก 7 เกมสุดท้ายของฤดูกาล

เรียกได้ว่ายังคงเข้มข้นและบีบคั้นมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับสถานการณ์การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ หลังจากที่ผลการแข่งขันศึกบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ออกมาด้วยการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำแค่ได้เปิดรัง เอติฮัต สเตเดี้ยม เสมอกับทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันอย่าง อาร์เซน่อล 0-0 ปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา

อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเกมหักปากกาเซียนของแทร่!! สำหรับศึก “แดงเดือด” ที่เพิ่งจบลงไป

แฟนบอล “เดอะ กันเนอร์ส” คงต้องทำใจ เมื่อ อาร์เซน่อล ทีมรักฟอร์มสะดุดด้วยการเปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พ่ายยับให้กับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 0-3 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ผู้เล่น “ไอ้ปืนใหญ่” ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย ที่สำคัญการพ่ายแพ้ในแมตช์นี้ทำให้โอกาสในการไล่บี้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการลุ้นแชมป์ลีกซีซั่นนี้แทบเลือนรางแล้ว บทความนี้เราชวนมาเจาะประเด็นในความพ่ายแพ้ของทีม “ไอ้ปืนใหญ่” ว่ามีสาเหตุใดบ้างไปดูกันเลย